- Open Everyday : 10:30 - 20:00
- 02 116 4251
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นสิ่งที่สาว ๆ ในยุคปัจจุบันนิยมทำกันมากเพื่อลดปัญหาริ้วรอยที่ทำให้ดูแก่กว่าวัยอันควร เติมเต็มร่องลึก และลดรอยคล้ำใต้ตาให้กลับมาสดใส แถมการฉีดฟิลเลอร์ยังเป็นการเสริมความสวยที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหารอบดวงตา อยากสวยไว แต่ไม่อยากพึ่งมีดหมอนั่นเอง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือการฉีดสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA เข้าไปบริเวณจุดใต้ตาที่มีปัญหา เช่น ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ผิวหนังหย่อนคล้อย หน้าโทรม ใต้ตาดำคล้ำ ซึ่งสารเติมเต็ม HA คือตัวที่ช่วยที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของเรา ซึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนและไฮยาลูรอนในร่างกายก็จะสูญเสียไปทำให้เกิดปัญหาผิว ซึ่งถ้าเราฉีดสารเข้าไปจะทำให้ผิวหนังกลับมาเต่งตึง ดูดี สดใส แลอ่อนเยาว์อีกครั้ง
การฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์มากขึ้นอย่างชัดเจนเรื่อย ๆ ใน 7-14 วัน และอยู่ได้นานถึง 6-18 เดือน ซึ่งสารฟิลเลอร์ที่เราฉีดเข้าไปไม่อันตราย ไม่ตกค้างในร่างกาย เพราะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นสาว ๆ ทั้งหลายหมดห่วงได้เลยจ้า
✔ ผู้ที่มีริ้วรอยใต้ตา
บริเวณใต้ตาและรอบดวงตามีริ้วรอยเหี่ยวย่น ทำให้ใบหน้าดูแก่และมีอายุ ซึ่งอาจเกิดจากพฤติกรรมการแสดงออกทางใบหน้าหรือขยี้ตาบ่อย ๆ
✔ ผู้ที่มีใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ
มีลักษณะเป็นสีคล้ำรอบดวงตาและใต้ตาอย่างชัดเจน ทำให้ใบหน้าดูโทรม อิดโรย ซึ่งอาจเกิดจากการพักผ่อนน้อย พันธุกรรม หรือภูมิแพ้
✔ ผู้ที่มีเบ้าตาลึก ตาโหล
มีลักษณะเป็นร่องลึกครึ่งวงกลมใต้ตาหรือเหนือเปลือกตา ซึ่งอาจเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหรือผลจากการศัลยกรรมทำตาสองชั้น
✔ ผู้ที่มีถุงใต้ตา
มีลักษณะเหมือนมีถุงอยู่ใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ เหนื่อยเพลีย ซึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ ภูมิแพ้หรือพฤติกรรมของเราเอง อย่างดื่มน้ำน้อย พักผ่อนน้อย ใช้สายตามากเกินไป
✔ ผู้ที่มีใต้ตาหย่อนคล้อย
มีลักษณะบริเวณใต้ตามีความเหี่ยวย่น ไหลลงมาบริเวณด้านล่าง ไม่กระชับ แลดูมีอายุ ซึ่งอาจเกิดจากพฤติกรรมการล้างเครื่องสำอางที่แรงเกินไป ขยี้ตาบ่อย ๆ หรือดื่มน้ำน้อย
1. อายุที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่เราอายุยังน้อย ใต้ผิวหนังของเราจะมีการสะสมไขมันอยู่บริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นแก้ม หน้าผาก รอบดวงตา หรือรอบปาก และเมื่ออายุมากขึ้นไขมันที่เคยสะสมอยู่ทั่วใบหน้าก็เริ่มสลายหายไป อีกทั้งร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง เซลล์ผิวสร้างอิลาสตินและคอลลาเจนเสื่อมสภาพลง ทำให้ผิวหน้าไม่เหมือนเดิม เกิดความเหี่ยวย่น ไม่กระชับ ผิวหนังหย่อนคล้อย มีริ้วรอยที่เห็นชัด และยิ่งโดยเฉพาะผู้หญิงวัยทองที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงจากการหมดประจำเดือน ทำให้เกิดร่องรอยเหี่ยวย่นชัดเจนยิ่งขึ้น
2. พักผ่อนไม่เพียงพอ
ช่วงเวลากลางคืนร่างกายจะหลั่งสาร Growth Hormone ออกมาเพื่อช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากเราพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะส่งผลให้เซลล์ส่วนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระถูกทำลาย คอลลาเจนใต้ผิวลดลง ทำให้เกิดปัญหาผิวใต้ตาที่เหี่ยวย่น ไม่กระชับได้ และยังทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาเด่นชัดมากขึ้น ดังนั้นจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน
3. พฤติกรรมจากตัวเราเอง
พฤติกรรมที่เราอาจทำไปโดยไม่รู้ตัวเช่นการใช้มือขยี้ตาบ่อย ๆ ส่งผลให้เกิดรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย ๆ อีกทั้งการจ้องหน้าจอโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ทำให้เกิดอาการตาล้า จนเป็นรอยคล้ำเนื่องจากเส้นเลือดใต้ตาขยายจนสังเกตได้ชัด อีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำให้บริเวณใต้ตาเหี่ยวย่นนั่นคือการดื่มน้ำน้อย เพราะเมื่อเราได้รับปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อวันก็จะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ใต้ตาเหี่ยวย่น เซลล์ผิวไม่กระจ่างใส ส่งผลต่อความกระชับเต่งตึงของผิวรวมถึงรอบดวงตานั่นเอง รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่อีกด้วย เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำบริเวณใต้ตา
4. ภูมิแพ้ (Allergic Shiner)
ภูมิแพ้อาจเกิดด้วยตัวเองหรืออาจเกิดจากพันธุกรรม ซึ่งการเป็นภูมิแพ้จะทำให้บริเวณใต้ดวงตามีสีคล้ำ เนื่องจากผู้ที่เป็นภูมิแพ้จะมีอาการน้ำมูกไหล จาม คัดและคันจมูกร่วมด้วย ทำให้เยื่อบุจมูกบวม ส่งผลให้เลือดดำไหลผ่านได้ยากและคั่งอยู่บริเวณใต้ตาจนทำให้เกิดสีคล้ำ และบางรายอาจมีอาการเคืองตาจนเผลอขยี้ตาแรง ๆ นี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้บริเวณรอบดวงตามีริ้วรอยเหี่ยวย่นเช่นกัน
5. แสงแดด
เมื่อเราอยู่ในที่แดดจัด ๆ กลางแจ้งหรือโดนแดดนาน ๆ นอกจากจะทำร้ายผิวหนังส่วนอื่นแล้ว ผิวบริเวณใต้ตาที่มีความบอบบางก็คล้ำเสียได้ง่ายเช่นกัน เนื่องจากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นการผลิตเม็ดสีผิวเมลานินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จนทำให้ผิวใต้ตาดำคล้ำได้ ดังนั้นเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งและโดนแดดเป็นเวลานาน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการเสริมความงามที่ต้องใช้ความปลอดภัยสูง และความชำนาญของตัวคุณหมอที่เป็นผู้ฉีด ตัวยายิ่งมีความสำคัญมากที่สุด ยาควรเป็นยาที่มีการรองรับมาตรฐานด้านคุณภาพและมีการควบคุมอย่างดีในภาวะที่เหมาะสม การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เจยังคลินิกไม่แนะนำให้ฉีดไปทั่ว ก่อนที่จะเลือกคลินิกอยากให้ผู้อ่านศึกษาให้ดี มองดูเรื่องของมาตรฐานและความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะอย่าลืมว่า ดวงตาเป็นสิ่งสำคัญของร่างกายมากๆอีกส่วนหนึ่ง ที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้นะคะ
แหล่งรวมความรู้เรื่องความงาม คลิกที่นี่
สนใจติดต่อ
Website : www.jyounggroup.com
Facebook : J Young Clinic
Line : @jyoung.clinic
Tel : 02-116-4251
หรือคลิกที่นี่เพื่อสอบถาม/จองคิว
แชร์บทความดี ๆ ให้เพื่อนอ่านกันเถอะ!